จากประวัติศาสตร์อันยาวนานของไนจีเรีย นับตั้งแต่การก่อตั้งจักรวรรดิโบราณไปจนถึงยุคอาณานิคม และในที่สุดก็ได้มาเป็นประเทศเอกราช ประเทศนี้ได้พบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และช่วงเวลาที่ท้าทายมากมาย หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุดที่ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อโฉมหน้าของไนจีเรียคือการปฏิวัติปี 1966 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองอันยาวนาน การปฏิวัติครั้งนี้เกิดขึ้นโดยกลุ่มทหารหนุ่มที่นำโดยนายพล จอห์นสัน อะกันยิ ซึ่งเป็นคนเชื้อชาติอิโบ
เหตุการณ์นี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากความอยุติธรรมหรือการขัดแย้งทางการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ยังถูกจุดชนวนด้วยความไม่สงบทางสังคมและเศรษฐกิจ ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และการแบ่งแยกเชื้อชาติก็เป็นปัจจัยที่ทวีความรุนแรงของสถานการณ์
นายพล อะกันยิ อายุเพียง 34 ปีในขณะนั้น แต่เขากำลังขึ้นมาเป็นผู้มีอำนาจและเป็นผู้นำที่กล้าหาญและเด็ดเดี่ยว การปฏิวัติของเขาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2509 โดยการยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนซึ่งนำโดยนายกรัฐมนตรี ซิรตัว อับดุตะฮี
ทหารได้โค่นล้มรัฐบาลในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงหลงอยู่ในความสับสนและไม่เข้าใจเหตุผลของการกระทำของพวกเขา หลังจากการยึดอำนาจ อะกันยิ ได้ประกาศตั้งคณะปฏิวัติขึ้น และได้แต่งตั้งพลเรือนเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่การยึดอำนาจครั้งนี้กลับกลายเป็นชนวนของความขัดแย้งครั้งใหญ่ เพราะกลุ่มทหารในภาคเหนือของไนจีเรีย ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม รู้สึกว่าการปฏิวัติที่นำโดยนายพล อะกันยิ ซึ่งเป็นชาวคริสต์จากภาคใต้ของไนจีเรียดำเนินไปด้วยความไม่ยุติธรรม
กลุ่มทหารเหล่านี้เริ่มมองว่าการปฏิวัติเป็นการกดขี่เชื้อชาติและศาสนา จึงได้ริเริ่มการปะทะกันขึ้นในที่สุด
เหตุการณ์ที่ตามมาหลังจากการปฏิวัติปี 1966 ก็คือสงครามกลางเมืองไนจีเรีย ซึ่งกินเวลายาวนานถึง 30 เดือน (พ.ศ. 2510 - พ.ศ. 2512) ความขัดแย้งครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่าหนึ่งล้านคน และทำลายประเทศไนจีเรียอย่างหนัก
แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงเมื่อปี พ.ศ. 2512 ด้วยชัยชนะของฝ่ายรัฐบาลกลาง แต่บาดแผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิวัติและสงครามก็ยังคงปรากฎอยู่จนถึงทุกวันนี้
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองหลังการปฏิวัติปี 1966
การปฏิวัติปี 1966 และสงครามกลางเมืองที่ตามมา ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเมืองและสังคมของไนจีเรีย
-
ความไม่มั่นคงทางการเมือง: หลังจากการปฏิวัติและสงครามกลางเมือง ไนจีเรียประสบกับการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหลายครั้ง สถานการณ์นี้ทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง และส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ
-
การแบ่งแยกเชื้อชาติ: ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเชื้อชาติที่แตกต่างกันในไนจีเรียถูกปลุกขึ้นมาอย่างรุนแรงหลังจากการปฏิวัติ การแบ่งแยกเชื้อชาติกลายเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องรับมือ
-
ความยากจนและความเหลื่อมล้ำ: สงครามกลางเมืองทำลายโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และทำให้เศรษฐกิจถดถอย ความยากจนและความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สาเหตุของการปฏิวัติปี 1966
การปฏิวัติปี 1966 เกิดจากหลายปัจจัย:
ปัจจัย | ความอธิบาย |
---|---|
ความไม่ยุติธรรมทางการเมือง | รัฐบาลพลเรือนของนายกรัฐมนตรี ซิรตัว อับดุตะฮี ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าคอรัปชั่น และไม่สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศได้ |
ความยากจนและความเหลื่อมล้ำ | ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจทำให้เกิดความขุ่นเคืองในหมู่ประชาชนส่วนใหญ่ |
ความแบ่งแยกระหว่างกลุ่มเชื้อชาติ | ความตึงเครียดระหว่างชาวฮาอูซา-ฟูลา (ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม) และชาวอิโบ (ส่วนใหญ่เป็นคริสต์) |
มารู้จักกับ “หมารีล”
จากบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติปี 1966 หนึ่งในบุคคลที่น่าสนใจและมีบทบาทสำคัญก็คือ Major General Chukwuma Kaduna Nzeogwu ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำการยึดอำนาจครั้งนี้
นายพล Nzeogwu เป็นทหารชาวอิโบ ที่เกิดเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2497 เขาจบการศึกษาจาก Royal Military Academy Sandhurst ในสหราชอาณาจักร และเข้ารับราชการในกองทัพไนจีเรีย
Nzeogwu เป็นที่รู้จักในฐานะนายพลที่กล้าหาญและชาญฉลาด เขาเป็นผู้สนับสนุนความเสมอภาคและต่อต้านการคอรัปชั่น นอกจากนี้เขายังเป็นนักกีฬาที่เก่งกาจ และเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนร่วมงาน
ในช่วงเหตุการณ์ปฏิวัติปี 1966 นายพล Nzeogwu เป็นผู้บัญชาการหน่วยทหารที่นำการยึดอำนาจในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ
หลังจากการปฏิวัติ Nzeogwu และนายพล อะกันยิ ได้ร่วมมือกันในการจัดตั้งคณะปฏิวัติ และร่างแผนการปกครองประเทศใหม่
การสิ้นสุดของ Nzeogwu
ทว่าโชคชะตากลับไม่เป็นใจ Nzeogwu หลังจากการปฏิวัติ Nzeogwu ถูกจับกุมและถูกประหารชีวิตในปี พ.ศ. 2509
สรุป
การปฏิวัติปี 1966 ในไนจีเรีย เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อประเทศนี้ การปฏิวัติครั้งนี้ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองอันยาวนาน ซึ่งทำลายประเทศไนจีเรียอย่างหนัก
แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงเมื่อปี พ.ศ. 2512 แต่บาดแผลจากการปฏิวัติและสงครามก็ยังคงปรากฎอยู่จนถึงทุกวันนี้
การเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของไนจีเรียและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เช่น การปฏิวัติปี 1966 จะช่วยให้เราเข้าใจประเทศนี้ได้ดีขึ้น และเห็นความสำคัญของการสร้างสันติภาพและความสามัคคีในสังคม